Digital Disruption สร้างนวัตกรรมที่มีเทคโนโลยีเป็นตัวกลาง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในประวัติศาตร์ที่นวัตกรรมและเทคโนโลยี ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิตและการทำงานของเรา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม Digital Disruption เปรียบเสมือนพายุที่ก่อตัวแล้วพัดสิ่งต่าง ๆ ไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้เราจะไม่ได้สัมผัสกับความเร็วของมันได้โดยตรง แต่เรากลับรู้สึกได้ว่าสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเปลี่ยนแปลงไป
สำหรับ Digital Disruption ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงแค่นวัตกรรมใดนวัตกรรมหนึ่ง แต่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากมายที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมเหล่านี้ทำให้มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจมากพอสมควร
ในอดีตการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องใช้เวลามาก อย่างน้อยก็สัก 2 ปีขึ้นไป แต่ในวันนี้ธุรกิจทั้งหมดสามารถทำ Digital Disruption ได้ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในทุกวันนี้ โลกของเรามีเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยมากขึ้น นั่นหมายความว่า ต่อไปนี้ไม่ใช่แค่บริษัทขนาดใหญ่ที่จะเป็นศูนย์กลางของโลกเท่านั้น แต่บริษัทขนาดเล็กหรือไม่ว่าใครก็ตามสามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าหากคุณเป็นบริษัทที่ต้องการสร้างกระแสคลื่นลูกใหม่ที่โดดเด่นในยุคของ Digital Disruption คุณต้องตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงรอบ ๆ ตัวก่อนเป็นอันดับแรก คำถามคือ.....ธุรกิจควรตอบสนองอย่างไร
อย่างแรกแม้ว่านวัตกรรมไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีโดยตรง แต่มันเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจใหม่ที่ใช้ประโยชน์เทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาแล้วและเทคโนโลยีใหม่
ถ้าเราสร้างสิ่งใหม่จากเทคโนโลยี เทคโนโลยีนั้นจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้จริงหรือไม่?
ยังมีหลายคนที่คิดว่าเทคโนโลยีเข้ามาก่อกวนสิ่งเดิมที่ที่มีอยู่ แต่ความจริงมันไม่ใช่ทั้งหมดเพราะนี่คือการปฏิวัติในยุคดิจิทัล ซึ่งสามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรมในวันนี้ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาแล้ว แต่การทำ Digital Disruption ให้สำเร็จได้นั้นไม่ใช่เทคโนโลยีอย่างเดียว เพราะต้องค้นหาปัญหาและสร้างแนวทางที่จะเปลี่ยนแปลงปัญหาเหล่านั้น จากนั้นธุรกิจใช้แนวทางจากแนวคิดไปสู่ความเป็นจริงได้ด้วยเทคโนโลยี เมื่อหลายปีที่ผ่านมาเราพบเทคโนโลยีที่กำลังเฟื่องฟู อาทิเช่น โทรศัพท์และโซเชียลมีเดีย (Social Media) รวมถึงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่อย่างปีญญาประดิษฐ์ (AI) และ Internet of Things (IoT)
แต่ในความเป็นจริง การใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ไปพร้อม ๆ กันนั้นธุรกิจหลาย ๆ ธุรกิจมักมองมันเป็นเรื่องยากและมักถูกมองข้ามไปในที่สุด ถึงแม้ว่าจะใช้นวัตกรรมต่าง ๆ ในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีอยู่ เพื่อปรับเปลี่ยนธุรกิจก็ตาม
ตามที่เกริ่นไปข้างต้นการทำ Digital Disruption ไม่ใช่การเริ่มต้นพิจารณาจากเทคโนโลยี, นวัตกรรม หรือผลิตภัณฑ์และบริการที่การปรับปรุง แต่ต้องมุ่งไปที่ปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข อาทิเช่น Grab ในปัจจุบันที่นำเอาปัญหามาร่วมเข้ากับเทคโนโลยี จนกลายเป็นบริการที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน คนในกรุงเทพส่วนใหญ่ใช้บริการเหล่านี้ เพื่อเลือกความสะดวกสบายให้กับตนเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าบริการรูปแบบใหม่นี้ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนเรามากขึ้น เพราะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ หรือจะเป็น Wewyn ที่นำเอาปัญหาการสร้างเว็บไซต์จากการเขียนโค้ดไม่เป็น มาสร้างเป็นบริการเว็บไซต์สำเร็จรูป ซึ่งตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ซื้อ-ขายสินค้าและบริการบนออนไลน์มากขึ้น เป็นต้น การศึกษาปัญหาก่อนจะก่อให้เกิดการสร้างธุรกิจรูปใหม่ได้ คุณลองมองดูปัญหารอบตัวของคุณ แล้วคุณจะพบว่าคุณก็เป็นหนึ่งในผู้สร้างกระแสและนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้เช่นกัน
แม้ว่า Digital Disruption จะใช้นวัตกรรมที่ต่างไปจากเดิม เพราะมีปัญหาที่ไม่ซ้ำกันจึงทำให้กระบวนการมีหลายวิธี โดยใช้เทคโนโลยีที่สามารถลดความต้องการสินทรัพย์ที่จับต้องได้ ตัวอย่างเช่น สื่อสตรีมมิ่ง (Streaming Media) ต่าง ๆ เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเล่นทั้ง เพลง วีดีโอ และภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ ได้ โดยส่งผ่านอินเตอร์เน็ตแบบ real time อย่างเช่นแอปพลิเคชั่นนำทาง ที่มีอัลกอริทึมแนะนำเส้นทางการจราจรสำหรับคนที่เดินทาง ทำให้รู้เส้นทางหรือระยะเวลาในการเดินทางได้ดี เพราะระบบดิจิทัลเหล่านี้จะสะสมข้อมูลและเรียนรู้ผ่านการเรียนรู้เครื่อง (Machine Learning) เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพขแงธุรกิจรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นอนาคตของธุรกิจจะขึ้นอยู่ว่าคนในธุรกิจเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมมากน้อยแค่ไหน ให้มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์จะดีกว่า แม้ว่ามันอาจจะได้ได้สร้างความประทับใจให้กับนักลงทุนมากนัก อาทิ ผู้ค้าปลีกบางรายเพิ่มความสามารถในการทำธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็วด้วยฟังก์ชั่นเอาท์ซอร์ส เช่น การจัดส่งภายในวันเดียว เป็นต้น