สิ่งที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ควรทราบเมื่อเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแทบจะเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนในยุคนี้ไปแล้ว เพราะเราต่างก็ต้องการข้อมูล และสื่อสารกับผู้อื่น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่บ้าน, ทำธุรกิจหรือใช้โทรศัพท์มือถือในระหว่างเดินทาง ซึ่งผู้ใช้จะรู้สึกดีกับอินเทอร์เน็ตที่ได้จ่ายเงินและบริการที่ได้รับนั้นมีความคุ้มค่า ดังนั้นเราจะทราบได้อย่างไรว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) รายใดมีบริการที่เหมาะสำหรับเราบ้าง วันนี้เราจะมาบอก 5 ปัจจัยที่ควรพิจารณา เพื่อเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่เหมาะสมกับตัวคุณ
ตำแหน่งที่ตั้ง
ปัจจัยแรกที่ต้องพิจารณาเมื่อมองหาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider) คือ ตำแหน่งที่เราอาศัยหรือทำงานอยู่ เพราะบางบริการของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตอาจไม่สามารถใช้งานได้ดีในบางพื้นที่ของประเทศ หากธุรกิจของคุณอยู่ในพื้นที่ห่างไกลมากอาจมีตัวเลือกที่จำกัด ดังนั้นจึงต้องรวบรวมรายชื่อตัวเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่พร้อมใช้งานได้ดีในตำแหน่งของคุณ
ความเร็ว
เมื่อพูดถึงตัวเลือกความเร็วในการให้บริการอินเทอร์เน็ต ควรพิจารณาถึงการใช้งานอินเทอร์เน็ตพร้อมกันทั้งบริษัท มีพนักงานกี่คนที่ต้องเข้าใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ควรเลือกความเร็วในการอัปโหลดและดาวน์โหลดข้อมูลได้อย่างเหมาะสม การจ่ายเงินเพิ่มเพื่อเพิ่มความเร็วในการใช้งาน เพื่อรับประกันว่าผู้ใช้จะใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างราบรื่น รวดเร็วและคุ้มค่าที่สุด
ค่าใช้จ่าย
ค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ตของคุณสามารถอยู่ในราคาตั้งแต่ 600 ไปจนถึง 10,000 ต่อเดือนขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณจะใช้งาน สำหรับธุรกิจที่มีคนมากกว่า 10 คนอาจต้องลงทุนแพงกว่า เพราะเมื่อคุณจ่ายเงินในแพคเกจของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่เหมาะสม คุณจะมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พร้อมกับอีเมลเข้าและออกโดยไม่มีปัญหาใด ๆ สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
ความปลอดภัย
ความปลอดภัยของอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เลย ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือที่บริษัทมันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง คุณต้องระวังว่าจะมีบุคคลที่สามที่สามารถเข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตของคุณได้หรือไม่ เนื่องจากทุกคนมีข้อมูลส่วนตัวหรือรายละเอียดต่าง ๆ ที่บันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ของตน ดังนั้นข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดจะได้รับการคุ้มครอง โดยสามารถทำได้จากการเข้ารหัส เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายของคุณจะป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าถึงเครือข่ายของคุณเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากคุณ ประโยชน์ของการเข้ารหัสเครือข่ายคือ ความสามารถในการตรวจสอบกิจกรรมออนไลน์ ซึ่งจะสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยได้หากเกิดขึ้นและดำเนินการอย่างเหมาะสม เพื่อยับยั้งสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ใด ๆ
การบริการลูกค้าตลอดเวลา
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งอาจต้องการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะไม่สามารถเข้ามาแก้ไขที่ทำงานของเราได้ทันที ดังนั้นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจะต้องมีบริการลูกค้าที่สามารถรับทราบปัญหาได้ตลอดเวลา
