Apple รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 มีรายได้เพิ่มขึ้น 20%
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา บริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple ได้เปิดเผย รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของปี พ.ศ. 2561 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561
Apple มีรายได้รวมทั้งสิ้น 62.9 พันล้านเหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนถึง 20% โดยยอดขายจากต่างประเทศคิดเป็น 61% ของรายได้ในไตรมาสนี้
นอกเหนือจากรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ของ Apple แล้วยังมีรายได้จากการให้บริการ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 10 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
Tim Cook, CEO ของ Apple กล่าวว่า “บริษัทมีรายได้มหาศาลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นปีครบรอบ 10 ปีของ Apple โดยบริษัทได้จำหน่ายอุปกรณ์ iOS จำนวน 2 พันล้านเหรียญภายในปีนี้ และในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเราได้พัฒนาความก้าวหน้าให้กับผลิตภัณฑ์ของเรา ผ่านทาง iPhone, Apple Watch, iPad และ Mac รวมถึงบริการต่าง ๆ ของเรา”
ในไตรมาสนี้ Apple ขาย iPhone ได้ 46.9 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 46.7 ล้านเครื่องในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนยอดขาย iPad ลดลงเหลือ 9.7 ล้านเครื่อง จาก 10.3 ล้านเครื่องในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดขาย Mac ลดลงเหลือ 5.3 ล้านเครื่อง จากเดิมขายได้ 5.4 ล้านเครื่องเมื่อปีที่แล้ว
จากตัวเลขรายได้ดังกล่าว ทำให้ Apple มีรายได้จาก iPhone เพิ่มขึ้นถึง 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุมาจากความต้องการซื้อ iPhone 8, iPhone 8 Plus, iPhone X และการเปิดตัว iPhone XS และ iPhone XS Max
ส่วนด้านการบริการของ Apple ในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันกว่า 30,000 แอปพลิเคชันที่เป็นแบบ Subscription อยู่ใน App Store นอกจากนี้มีสายการบินกว่า 47 สายการบินจาก 50 สายการบินชั้นนำทั่วโลกได้นำ iOS ไปใช้งานได้อย่างปลอดภัย และมอบประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าอีกด้วย
Source : Apple, Macrumors