Shopping Online กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะสินค้าอย่างเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง จากที่แต่ก่อนเราต้องพรีออเดอร์หรือให้คนหิ้วเข้ามาแต่ในตอนนี้เราสามารถสั่งสินค้าบางแบรนด์ได้ด้วยตนเองจากเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันง่าย ๆ อย่างไรก็ตามการสั่งซื้อของออนไลน์จากเว็บไซต์มาใช้ส่วนตัวก็ต้องเสียภาษีนำเข้าอยู่ดี ซึ่งอัตราภาษีนำเข้าในปัจจุบันเริ่มต้นที่ 5%-56% โดยภาษีนำเข้าจะยกเว้นให้กับสินค้าที่มีราคาไม่เกิน 1,500 บาท ดังนั้นภาษีที่เราต้องชำระจะขึ้นอยู่กับประเภทและราคาของสินค้านั้น ๆ ซึ่งเราจะทำอย่างไรถ้าต้องการสั่งสินค้าจากเว็บไซต์ต่างประเทศให้คุ้มค่าที่สุด? คุณอาจลองนำวิธีข้างล่างนี้ไปใช้ได้ เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป

สินค้าที่สั่งจากเว็บไซต์ต่างประเทศควรไม่มีน้ำหนักมากเกินไป

การสั่งสินค้าจากเว็บไซต์ต่างประเทศควรตรวจสอบให้ดีว่า สินค้าดังกล่าวมีน้ำหนักเท่าไหร่ ขนาดเท่าไหร่ เพราะถ้าหากมีน้ำหนักมากเกินไปเจ้าหน้าที่ศุลกากรอาจคิดว่าเป็นของที่นำเข้ามาเพื่อขายก็ได้ นอกจากนี้การสั่งสินค้าจากต่างประเทศมาเพื่อใช้ก็ควรซื้อแต่พอดีอย่าซื้อเยอะเกินไปจนดูเหมือนไม่ได้ซื้อมาใช้เอง

เขียนหน้าพัสดุว่า “NO COMMERCIAL VALUE, NOT FOR SALE”

นอกจากน้ำหนัก ขนาดและจำนวนสินค้าที่ต้องระวังแล้ว ควรให้ผู้ส่งเขียนหน้าพัสดุมาด้วยว่า สินค้าไม่มีมูลค่าทางการค้า ไม่ได้นำเข้ามาเพื่อการค้าขาย แต่นำเข้ามาเพื่อใช้ส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งในส่วนนี้รายละเอียดต่าง ๆ ต้องสอดคล้องกันด้วย

แยกประเภทหรือหมวดหมู่ของสินค้าให้ชัดเจน

ควรกรอกรายละเอียด วัสดุของสินค้าของผลิตภัณฑ์แยกกันให้ชัดเจน เนื่องจากอัตราภาษีศุลกากรนั้นแตกต่างกันไป ดังนั้นควรแยกสินค้าที่เป็นประเภทเดียวกันอยู่ในกล่องเดียวกัน เพราะถ้ารวมกัน คุณอาจต้องเสียภาษีมากกว่าที่คุณคิด จากซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศจะทำให้คุ้มค่ากลับต้องเสียเงินมากกว่าเดิม

เลือกบริการจัดส่งพัสดุแบบลงทะเบียน

หากคุณไม่รีบใช้ เราขอแนะนำให้เลือกใช้บริการจัดส่งแบบลงทะเบียนจะมีความเสี่ยงโดนเรียกเก็บภาษีน้อยกว่าการส่งแบบเร่งด่วน ซึ่งบางเว็บไซต์ก็มีบริการจัดส่งฟรีก็เลือกส่งฟรีเถอะคุ้มค่าที่สุด หากจำเป็นต้องรีบใช้ของที่สั่งจริง ๆ ก็ควรเลือกซื้อสินค้าในประเทศดีกว่าแพงกว่าหน่อยแต่ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนเรียกชำระภาษีไหม ซึ่งจะทำให้เราเสียเวลาไปชำระภาษีและนำของออกด้วยตนเอง