เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีการเปิดเผยดัชนีนวัตกรรมระดับโลก (Global Innovation Index - GII) จากการเก็บข้อมูลและสำรวจขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก (World Intellectual Property Organization : WIPO)

           โดยเป็นการเปิดเผยถึงรายละเอียดเกี่ยวกับผลการดำเนินงานด้านนวัตกรรมและการจัดอันดับนวัตกรรมใหม่ ๆ จาก 126 ประเทศคิดเป็น 90.8% ของประชากรโลกและ 96.3% ของ GDP ทั่วโลก ซึ่งรายงานในปีนี้จะทำการสำรวจถึงความท้าทายและโอกาสในการส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อสุขภาพประกอบด้วยหลายตัวชี้วัดหลักด้วยกัน อาทิเช่น โครงสร้างพื้นฐาน, การศึกษา, ความซับซ้อนทางธุรกิจ, สภาพแวดล้อมทางการเมือง เป็นต้น

           จากผลสำรวจและเก็บข้อมูลของ WIPO พบว่าในปีพ.ศ. 2561 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 44 จาก 126 อันดับ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เนื่องจากการเปิดเผยอันดับนวัตกรรมเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยของเราได้มีการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้ที่มีการส่งเสริมและขับเคลื่อนนโยบาย Thailand 4.0. ทำให้ประเทศไทยของเรามีอันดับที่ดีขึ้นจากปีพ.ศ. 2560 ประเทศไทยถูกจัดดันดับอยู่ที่ 51

           ในส่วนอันดับที่ 1 ด้านนวัตกรรมนั้นตกไปเป็นของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตามด้วยอันดับ 2 ประเทศเนเธอร์แลนด์และอันดับ 3 ประเทศสวีเดน นอกจากนี้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายประเทศก็ถูกจัดอันดับอยู่ใน 50 อันดับด้วยเช่นกัน ได้แก่อันดับที่ 5 ประเทศสิงคโปร์, อันดับที่ 35 ประเทศมาเลเซียและประเทศที่ตามไทยมาติด ๆ อยู่ในอันดับที่ 55 คือประเทศเวียดนามนั่นเอง

            นอกจากนี้เมื่อเราดูที่รายละเอียดการรายงานการสำรวจของประเทศไทยโดยตรงพบว่า ใน 7 หัวข้อหลักกับ 82 ตัวชี้วัดแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีจุดเด่นอยู่ที่ด้านการตลาด ทั้งการซื้อขายแลกเปลี่ยน, การแข่งขันและขนาดของตลาด ตามด้วยปัจจัยด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี และปัจจัยด้านความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งในอนาคตเราหวังว่าปัจจัยด้านทุนมนุษย์และการวิจัยภายในประเทศจะเป็นปัจจัยที่เป็นจุดเด่นของไทยเช่นกัน ดูจากความก้าวหน้าของนวัตกรรมและเทคโนโลยีถ้าเราเร่งพัฒนาจุดเด่นไปพร้อม ๆ กับปรับปรุงตัวชี้วัดที่เป็นจุดอ่อนจะทำให้ประเทศไทยขับเคลื่อนนโยบาย 4.0. ได้อย่างสมบูรณ์

ที่มา : GLOBAL INNOVATION INDEX 2018 Report