ในวันนี้บริษัทซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Microsoft ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 โดยมีรายได้รวมทั้งหมด 29.1 พันล้านเหรียญฯ และรายได้สุทธิอยู่ที่ 8.8 พันล้านเหรียญฯ จากรายได้ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ไมโครซอฟต์มีรายได้เพิ่มขึ้น 19% และมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นถึง  34% เมื่อเทียบกับรายได้ในไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของระบบคลาวด์ (Cloud) ที่แข็งแกร่งมากขึ้น และรายได้จาก Surface ที่เพิ่มขึ้นกว่า 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว หลังจากไมโครซอฟต์เปิดตัว Surface Go ในเดือนสิงหาคม

รายได้ธุรกิจของ Microsoft

            ด้านธุรกิจเกม ของไมโครซอฟต์มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 44% ในไตรมาสนี้ โดยรายได้จากฮาร์ดแวร์ Xbox เพิ่มขึ้น 94%  หลังจากมีการเปิดตัว Xbox One X ทำให้มีผู้ใช้ที่ใช้งาน Xbox Live เติบโตขึ้นเป็น 57 ล้านรายในไตรมาสล่าสุด

            Satya Nadella ซีอีโอของไมโครซอฟต์กล่าวว่า “การนำ Xbox Game Pass ซึ่งเป็นบริการเช่าเกมผ่านระบบออนไลน์ ทำให้ผู้ใช้สามารถเล่น และดาวน์โหลดไปติดตั้งบน PC ได้นั้น จะเป็นส่วนสำคัญในอนาคตของบริษัทในการให้บริการ Xbox”

            เมื่อพูดถึงธุรกิจเกม เราคาดว่าธุรกิจนี้จะสามารถเติบโต และมีการแข่งขันมากขึ้นอีก เนื่องจากไม่นานมานี้ไมโครซอฟต์มีแผนทดลองใช้บริการเกมสตรีมมิ่ง xCloud ในปี พ. ศ. 2562 บวกกับบริการต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่น GeForce Now, PlayStation Now, Shadow และ Liquid Sky

            ด้านธุรกิจผลิตภัณฑ์ และบริการชุดโปรแกรมสำนักงาน อย่าง Microsoft Office มีรายได้เพิ่มขึ้น 17%  และรายได้จากบริการ Office 365 มีรายได้เพิ่มขึ้น 36% ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลาย ๆ ธุรกิจได้นำ Office 365 ไปใช้งานกันมากขึ้น เนื่องจากไม่ต้องซื้อขาดครั้งเดียวเหมือนโปรแกรม Office โดยในขณะนี้มีผู้ใช้ที่ใช้งานรายเดือนอยู่มากกว่า 155 ล้านราย

            ด้านธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ (Server) และระบบคลาวด์ (Cloud) รายได้ของ Microsoft's Azure เติบโตขึ้น 76% ในไตรมาสนี้ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ และบริการคลาวด์โดยทั่วไปมีการเติบโตขึ้น 28% ส่วน “Intelligent Cloud” เพิ่มขึ้น 24% ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 8.6 พันล้านเหรียญของรายรับรวมของไมโครซอฟท์ในไตรมาสนี้

            จากรายได้ทั้งหมด ธุรกิจเกม และ Surface ทำรายได้สูงสุดโดยรวม 10.7 พันล้านเหรียญ ตามมาด้วยธุรกิจ Cloud, Server และโปรแกรม Office รวมกันทำรายได้ถึง 18.4 พันล้านเหรียญ นอกจากธุรกิจที่กล่าวมาข้างต้นยังมีแพลตฟอร์มที่ไมโครซอฟต์เข้าซื้อด้วยมูลค่า 26.2 พันล้านเหรียญอย่าง LinkedIn ซึ่งเป็นหนึ่งใน Social Media ที่ให้ข้อมูลเชิงธุรกิจ โดยมีข้อมูลทางด้านอาชีพการงานที่ใหญ่ที่สุด เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้หางาน และนายจ้าง ยังคงทำรายได้เพิ่มขึ้น 33% ในไตรมาสนี้