ในขณะที่ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรทัศน์กำลังใช้การแข่งขันแบบดั้งเดิม, การซื้อโฆษณาตามเนื้อหาดิจิทัล และการกำหนดเป้าหมายตามผู้ชม แต่ผู้ให้บริการวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตอย่าง YouTube กำลังจะเปิดตัวการกำหนดเป้าหมายโฆษณารูปแบบใหม่

YouTube จะเริ่มให้แบรนด์ต่าง ๆ กำหนดเป้าหมายโฆษณาของตนโดยอิงตามข้อมูลผู้ใช้ที่ไม่ระบุตัวตนใน Google แล้วเก็บรวบรวมไว้เป็นข้อมูลบุคคลภายนอกของ YouTube เช่นประวัติการค้นหาของผู้คนใน Google เมื่อหนึ่งปีก่อน ซึ่งขณะนี้บริการวิดีโอที่ Google เป็นเจ้าของได้เพิ่มตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายตามการค้นหาโดยใช้โปรแกรมการซื้อโฆษณาของ Google ชื่อว่า Google Preferred เป็นโปรแกรมใน Youtube ที่จะช่วยดูแลและอนุญาตให้ลงโฆษณาแบบ TrueView ที่สามารถแสดงร่วมกับเนื้อหาจากช่องยอดนิยมได้ 5% ของ YouTube ให้เข้ากับกลุ่มเฉพาะที่แบรนด์สามารถเลือกลงโฆษณาได้

ด้วยตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายใหม่จะสามารถทำให้แบรนด์ที่ซื้อโฆษณาผ่านช่องทางของ Google Preferred จะสามารถเข้าถึงผู้ที่กำลังดูช่องเหล่านั้นได้ง่ายมากขึ้น เนื่องจาก Google กำลังใช้ข้อมูลที่ถูกค้นหาในแผนที่กับแอปพลิเคชันแล้วจึงใช้ข้อมูลที่ได้เหล่านั้นนำไปใช้กับเนื้อหา ซึ่ง Google Preferred มีความฉลาดมาก ๆ

Walding Levy กล่าวว่าผู้คนในสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะใส่ใจกับโฆษณาวิดีโอออนไลน์มากกว่าโฆษณาทางโทรทัศน์ถึงสามเท่าและมีแนวโน้มที่จะให้ความสำคัญกับโฆษณาบน YouTube ราวสองเท่าเมื่อเทียบกับเครือข่ายสังคมออนไลน์อื่น ๆ กล่าวโดยอ้างอิงจากงานวิจัยจาก Ipsos จาก YouTube

แม้ว่า YouTube จะพยายามกำหนดเป้าหมายโฆษณาของตนให้ดีขึ้น แต่ก็ยังต้องต่อสู้กับความกังวลว่าวิดีโอใดที่ผู้ใช้ต้องการที่จะเห็นต่อไป โดยเมื่อปีที่ผ่านมาเกิดข้อถกเถียงกันบน YouTube หลังจากที่ได้นำโฆษณาไปแสดงบนวิดีโอที่มีเนื้อหาสร้างความแตกแยกซึ่งสร้างภาพลบให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ที่ได้เผยแพร่โฆษณาของตนลงบน YouTube จึงทำให้หลาย ๆ แบรนด์คว่ำบาตรไปในที่สุด ส่งผลให้ YouTube ได้พยายามทำให้แพลตฟอร์มของบริษัทน่าสนใจยิ่งขึ้นสำหรับผู้ลงโฆษณา โดยจะมีการตรวจหาวิดีโอแต่ละรายการจากช่องที่อยู่ใน Google Preferred ด้วยตนเองก่อนที่โฆษณาจะถูกแนบและเผยแพร่สู่ผู้ใช้คนอื่น ๆ นอกจากนี้ยังได้เริ่มต้นทำงานร่วมกับบริษัทต่าง ๆ เช่น Integral Ad Science เพื่อตรวจสอบว่าโฆษณาของแบรนด์จะถูกแนบและเผยแพร่ไปกับวิดีโอที่ปลอดภัยและไม่สร้างความเสียหายต่อแบรนด์อีกด้วย